ฟันคุด



ฟันคุด คือ ฟันที่ไม่สามารถขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งปกติได้ภายในช่วงเวลาของการขึ้นปกติของฟัน โดยจะพบมากที่สุดที่ฟันกรามแท้ล่างซี่ที่สาม ซึ่งจะขึ้นในช่องปากเมื่ออายุประมาณ 17-21 ปี ถ้าหลังจากช่วงอายุนี้แต่ยังไม่พบการขึ้นของฟันที่ปกติ จะให้การวินิจฉัยว่าเป็นฟันคุด

การตรวจวินิจฉัยก่อนการรักษา
ทันตแพทย์ทำการซักประวัติ ประเมินสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย โรคประจำตัว ยาหรืออาหารที่แพ้ รวมไปถึงประวัติการรักษาทางทันตกรรมในอดีต
การตรวจทางคลินิกอาจพบฟันไม่ขึ้นในช่องปาก หรือขึ้นเป็นบางส่วน
การถ่ายภาพรังสีเพื่อประเมินตำแหน่งซึ่งมีผลต่อความยากง่ายในการผ่าฟันคุดโดยปัจจุบันภาพรังสีที่นิยมใช้ คือ ภาพรังสีพานอรามิก ซึ่งเป็นภาพรังสี 2 มิติ สามารถใช้ในการประเมินเบื้องต้นก่อนการผ่าตัด
ในรายที่มีความจำเป็น อาจถ่ายภาพรังสี 3 มิติเพิ่มเติม เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างฟันและโครงสร้างใกล้เคียง เช่น คลองเส้นประสาท รากฟันที่อยู่ข้างๆ เป็นต้น

การผ่าตัดฟันคุดมีจุดประสงค์หลายประการ ได้แก่
           1. เพื่อป้องกันการอักเสบของเหงือกที่ปกคลุมฟัน เพราะจะมีเศษอาหารเข้าไปติดอยู่ใต้เหงือก แล้วไม่สามารถทำความสะอาดได้ เชื้อแบคทีเรียที่มาสะสมอยู่จะทำให้เหงือกอักเสบ ปวดและบวมเป็นหนอง ถ้าทิ้งไว้การอักเสบจะลุกลามไปใต้คาง หรือใต้ลิ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ง่าย นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
           2. เพื่อป้องกันฟันข้างเคียงผุ ซอกฟันระหว่างฟันคุดกับฟันกรามซี่ที่สองที่อยู่ชิดกันนั้น ทำความสะอาดได้ยาก เศษอาหารจะติดค้างอยู่ทำให้เกิดฟันผุได้ทั้งสองซี่
           3. เพื่อป้องกันการละลายตัวของกระดูก แรงดันจากฟันคุดที่ พยายามดันขึ้นมา จะทำให้กระดูกรอบรากฟัน หรือรากฟันข้างเคียงถูกทำลายไป
           4. เพื่อป้องกันการเกิดถุงน้ำหรือเนื้องอก ฟันคุดที่ทิ้งไว้นานไปเนื้อเยื่อที่หุ้มรอบฟันคุด อาจจะขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นถุงน้ำ แล้วโตขึ้นโดยไม่แสดงอาการเลย จนในที่สุดเกิดการทำลายฟันซี่ข้างเคียง และกระดูกรอบ ๆ บริเวณนั้น
           5. เพื่อป้องกันกระดูกขากรรไกรหัก เนื่องจากการที่มีฟันคุดฝังอยู่ จะทำให้กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นบางกว่าตำแหน่งอื่น เกิดเป็นจุดอ่อน เมื่อได้รับอุบัติเหตุ หรือกระทบกระแทก กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นก็จะหักได้ง่าย
           6. วัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น ในการจัดฟัน ต้องถอนฟันกรามซี่ที่ สาม ออกเสียก่อนเพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนฟันซี่อื่น ๆ

การผ่าตัดฟันคุดมีอันตรายหรือผลแทรกซ้อนอะไรได้บ้าง
           ผลแทรกซ้อนของการผ่าตัดฟันคุดที่พบได้ เช่น หลังคายผ้าก๊อซแล้วยังมีเลือดไหลจากแผลผ่าตัดมากผิดปกติ มีไข้หรือมีการติดเชื้อหลังการผ่าตัด หลังผ่าตัด 2 – 3 วันแล้วอาการปวดบวมยังไม่ทุเลา แต่กลับมีอาการเพิ่มมากยิ่งขึ้น หรือมีอาการชาของริมฝีปากล่างนานผิดปกติทั้งที่หมดฤทธิ์ชองยาชาแล้ว ถ้าท่านมีอาการเหล่านี้ควรรีบกลับไปพบทันตแพทย์ได้ทันที เพื่อหาทางแก้ไข
แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าผลแทรกซ้อนเหล่านี้พบได้น้อยมาก ไม่ต้องกังวลจนกลัวแล้วไม่ยอมไปผ่าตัดฟันคุด เพราะถ้าเก็บฟันคุดไว้กลับจะมีอันตรายมากยิ่งกว่าเสียอีก

คำแนะนำภายหลังการผ่าตัดฟัน ผ่าฟันคุด ถอนฟัน
กัดผ้ากอซให้แน่นพอสมควรไว้ 2 ชัวโมง แล้วคายผ้ากอซทิ้ง หากมีเลือดไหลออกมาอีกให้วางผ้ากอซใหม่ที่ให้ไปลงลนแผลแล้วกัดต่ออีก 1 ชั่วโมง
ในขณะกัดผ้ากอซควรกลืนน้ำลายและเลือด ไม่ควรบ้วนน้ำลายและเลือดเพราะอาจทำให้เลือดออกและหยุดช้าลง
อาการบวมหลังการผ่าตัดสามารถเกิดได้ และเพิ่มขึ้นใน 2-3 วันแรก สามารถลดอาการบวมได้โดยใช้เจลแช่เย็น หรือน้ำแข็งในถุงพลาสติกห่อด้วยผ้าหรือกระดาษประคบนอกปากบริเวณที่ทำการรักษาตลอดเวลา
ในวันแรกสามารถบ้วนปากและแปรงฟันได้ แต่ไม่ควรกลั้วปากแรงและควรแปรงฟันบริเวณที่ผ่าตัดอย่างระมัดระวัง
การบ้วนปากควรใช้น้ำเกลือ (น้ำ 1 แก้วผสมเกลือ 1 ช้อนชา) หรือบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ที่ทันตแพทย์จ่ายให้เท่านั้น
ต้องทานยาปฏิชีวนะตามที่ทันตแพทย์จ่ายให้จนครบ ส่วนยาแก้ปวดสามารถทานได้ตามที่ระบุไว้ในฉลากยาเมื่อมีอาการปวด
ห้ามแคะ หรือดูดแผลถอนฟัน และแผลผ่าตัด
ห้ามออกกำลังกายหนักเกินควร แต่สามารถทำงานได้ตามปกติ
ห้ามดื่มสุราห้ามสูบบุหรี่ ห้ามรับประทานของมึนเมาหรืออาหารเผ็ดจัด ร้อนจัด
อาหารในวันแรกควรเป็นอาหารอ่อนหรืออาหารเหลวที่ไม่ร้อนมากเกินไปเช่น นม หรือโจ๊ก
ปัญหาการปวดบวมเป็นอาการปกติที่เกิดหลังการผ่าตัด โดยอาจจะมีอาการบวมมากที่สุด ในวันที่ 3 แต่ถ้ามีอาการบวมมาก และมีไข้สูงถือว่าเป็นอาการที่ผิดปกติ
หากได้รับการเย็บแผลไว้ให้กลับมาตัดไหมภายหลังการผ่าตัด 7 วัน หรือตามที่ทันตแพทย์นัด โดยท่านจะได้รับใบนัดตัดไหมด้วย
ปกติอาจมีเลือดซึมออกจากแผลได้เล็กน้อย ในกรณีที่มีเลือดออกมากผิดปกติให้กลับมาพบทันตแพทย์ทันทีฟันคุด คือ ฟันที่ไม่สามารถขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งปกติได้ภายในช่วงเวลาของการขึ้นปกติของฟัน โดยจะพบมากที่สุดที่ฟันกรามแท้ล่างซี่ที่สาม ซึ่งจะขึ้นในช่องปากเมื่ออายุประมาณ 17-21 ปี ถ้าหลังจากช่วงอายุนี้แต่ยังไม่พบการขึ้นของฟันที่ปกติ จะให้การวินิจฉัยว่าเป็นฟันคุด

การตรวจวินิจฉัยก่อนการรักษา
ทันตแพทย์ทำการซักประวัติ ประเมินสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย โรคประจำตัว ยาหรืออาหารที่แพ้ รวมไปถึงประวัติการรักษาทางทันตกรรมในอดีต
การตรวจทางคลินิกอาจพบฟันไม่ขึ้นในช่องปาก หรือขึ้นเป็นบางส่วน
การถ่ายภาพรังสีเพื่อประเมินตำแหน่งซึ่งมีผลต่อความยากง่ายในการผ่าฟันคุดโดยปัจจุบันภาพรังสีที่นิยมใช้ คือ ภาพรังสีพานอรามิก ซึ่งเป็นภาพรังสี 2 มิติ สามารถใช้ในการประเมินเบื้องต้นก่อนการผ่าตัด
ในรายที่มีความจำเป็น อาจถ่ายภาพรังสี 3 มิติเพิ่มเติม เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างฟันและโครงสร้างใกล้เคียง เช่น คลองเส้นประสาท รากฟันที่อยู่ข้างๆ เป็นต้น
 
การผ่าตัดฟันคุดมีจุดประสงค์หลายประการ ได้แก่
           1. เพื่อป้องกันการอักเสบของเหงือกที่ปกคลุมฟัน เพราะจะมีเศษอาหารเข้าไปติดอยู่ใต้เหงือก แล้วไม่สามารถทำความสะอาดได้ เชื้อแบคทีเรียที่มาสะสมอยู่จะทำให้เหงือกอักเสบ ปวดและบวมเป็นหนอง ถ้าทิ้งไว้การอักเสบจะลุกลามไปใต้คาง หรือใต้ลิ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ง่าย นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
           2. เพื่อป้องกันฟันข้างเคียงผุ ซอกฟันระหว่างฟันคุดกับฟันกรามซี่ที่สองที่อยู่ชิดกันนั้น ทำความสะอาดได้ยาก เศษอาหารจะติดค้างอยู่ทำให้เกิดฟันผุได้ทั้งสองซี่
           3. เพื่อป้องกันการละลายตัวของกระดูก แรงดันจากฟันคุดที่ พยายามดันขึ้นมา จะทำให้กระดูกรอบรากฟัน หรือรากฟันข้างเคียงถูกทำลายไป
           4. เพื่อป้องกันการเกิดถุงน้ำหรือเนื้องอก ฟันคุดที่ทิ้งไว้นานไปเนื้อเยื่อที่หุ้มรอบฟันคุด อาจจะขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นถุงน้ำ แล้วโตขึ้นโดยไม่แสดงอาการเลย จนในที่สุดเกิดการทำลายฟันซี่ข้างเคียง และกระดูกรอบ ๆ บริเวณนั้น
           5. เพื่อป้องกันกระดูกขากรรไกรหัก เนื่องจากการที่มีฟันคุดฝังอยู่ จะทำให้กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นบางกว่าตำแหน่งอื่น เกิดเป็นจุดอ่อน เมื่อได้รับอุบัติเหตุ หรือกระทบกระแทก กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นก็จะหักได้ง่าย
           6. วัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น ในการจัดฟัน ต้องถอนฟันกรามซี่ที่ สาม ออกเสียก่อนเพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนฟันซี่อื่น ๆ

การผ่าตัดฟันคุดมีอันตรายหรือผลแทรกซ้อนอะไรได้บ้าง
           ผลแทรกซ้อนของการผ่าตัดฟันคุดที่พบได้ เช่น หลังคายผ้าก๊อซแล้วยังมีเลือดไหลจากแผลผ่าตัดมากผิดปกติ มีไข้หรือมีการติดเชื้อหลังการผ่าตัด หลังผ่าตัด 2 – 3 วันแล้วอาการปวดบวมยังไม่ทุเลา แต่กลับมีอาการเพิ่มมากยิ่งขึ้น หรือมีอาการชาของริมฝีปากล่างนานผิดปกติทั้งที่หมดฤทธิ์ชองยาชาแล้ว ถ้าท่านมีอาการเหล่านี้ควรรีบกลับไปพบทันตแพทย์ได้ทันที เพื่อหาทางแก้ไข
แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าผลแทรกซ้อนเหล่านี้พบได้น้อยมาก ไม่ต้องกังวลจนกลัวแล้วไม่ยอมไปผ่าตัดฟันคุด เพราะถ้าเก็บฟันคุดไว้กลับจะมีอันตรายมากยิ่งกว่าเสียอีก

คำแนะนำภายหลังการผ่าตัดฟัน ผ่าฟันคุด ถอนฟัน
กัดผ้ากอซให้แน่นพอสมควรไว้ 2 ชัวโมง แล้วคายผ้ากอซทิ้ง หากมีเลือดไหลออกมาอีกให้วางผ้ากอซใหม่ที่ให้ไปลงลนแผลแล้วกัดต่ออีก 1 ชั่วโมง
ในขณะกัดผ้ากอซควรกลืนน้ำลายและเลือด ไม่ควรบ้วนน้ำลายและเลือดเพราะอาจทำให้เลือดออกและหยุดช้าลง
อาการบวมหลังการผ่าตัดสามารถเกิดได้ และเพิ่มขึ้นใน 2-3 วันแรก สามารถลดอาการบวมได้โดยใช้เจลแช่เย็น หรือน้ำแข็งในถุงพลาสติกห่อด้วยผ้าหรือกระดาษประคบนอกปากบริเวณที่ทำการรักษาตลอดเวลา
ในวันแรกสามารถบ้วนปากและแปรงฟันได้ แต่ไม่ควรกลั้วปากแรงและควรแปรงฟันบริเวณที่ผ่าตัดอย่างระมัดระวัง
การบ้วนปากควรใช้น้ำเกลือ (น้ำ 1 แก้วผสมเกลือ 1 ช้อนชา) หรือบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ที่ทันตแพทย์จ่ายให้เท่านั้น
ต้องทานยาปฏิชีวนะตามที่ทันตแพทย์จ่ายให้จนครบ ส่วนยาแก้ปวดสามารถทานได้ตามที่ระบุไว้ในฉลากยาเมื่อมีอาการปวด
ห้ามแคะ หรือดูดแผลถอนฟัน และแผลผ่าตัด
ห้ามออกกำลังกายหนักเกินควร แต่สามารถทำงานได้ตามปกติ
ห้ามดื่มสุราห้ามสูบบุหรี่ ห้ามรับประทานของมึนเมาหรืออาหารเผ็ดจัด ร้อนจัด
อาหารในวันแรกควรเป็นอาหารอ่อนหรืออาหารเหลวที่ไม่ร้อนมากเกินไปเช่น นม หรือโจ๊ก
ปัญหาการปวดบวมเป็นอาการปกติที่เกิดหลังการผ่าตัด โดยอาจจะมีอาการบวมมากที่สุด ในวันที่ 3 แต่ถ้ามีอาการบวมมาก และมีไข้สูงถือว่าเป็นอาการที่ผิดปกติ
หากได้รับการเย็บแผลไว้ให้กลับมาตัดไหมภายหลังการผ่าตัด 7 วัน หรือตามที่ทันตแพทย์นัด โดยท่านจะได้รับใบนัดตัดไหมด้วย
ปกติอาจมีเลือดซึมออกจากแผลได้เล็กน้อย ในกรณีที่มีเลือดออกมากผิดปกติให้กลับมาพบทันตแพทย์ทันทีฟันคุด คือ ฟันที่ไม่สามารถขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งปกติได้ภายในช่วงเวลาของการขึ้นปกติของฟัน โดยจะพบมากที่สุดที่ฟันกรามแท้ล่างซี่ที่สาม ซึ่งจะขึ้นในช่องปากเมื่ออายุประมาณ 17-21 ปี ถ้าหลังจากช่วงอายุนี้แต่ยังไม่พบการขึ้นของฟันที่ปกติ จะให้การวินิจฉัยว่าเป็นฟันคุด

การตรวจวินิจฉัยก่อนการรักษา
ทันตแพทย์ทำการซักประวัติ ประเมินสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย โรคประจำตัว ยาหรืออาหารที่แพ้ รวมไปถึงประวัติการรักษาทางทันตกรรมในอดีต
การตรวจทางคลินิกอาจพบฟันไม่ขึ้นในช่องปาก หรือขึ้นเป็นบางส่วน
การถ่ายภาพรังสีเพื่อประเมินตำแหน่งซึ่งมีผลต่อความยากง่ายในการผ่าฟันคุดโดยปัจจุบันภาพรังสีที่นิยมใช้ คือ ภาพรังสีพานอรามิก ซึ่งเป็นภาพรังสี 2 มิติ สามารถใช้ในการประเมินเบื้องต้นก่อนการผ่าตัด
ในรายที่มีความจำเป็น อาจถ่ายภาพรังสี 3 มิติเพิ่มเติม เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างฟันและโครงสร้างใกล้เคียง เช่น คลองเส้นประสาท รากฟันที่อยู่ข้างๆ เป็นต้น

การผ่าตัดฟันคุดมีจุดประสงค์หลายประการ ได้แก่
           1. เพื่อป้องกันการอักเสบของเหงือกที่ปกคลุมฟัน เพราะจะมีเศษอาหารเข้าไปติดอยู่ใต้เหงือก แล้วไม่สามารถทำความสะอาดได้ เชื้อแบคทีเรียที่มาสะสมอยู่จะทำให้เหงือกอักเสบ ปวดและบวมเป็นหนอง ถ้าทิ้งไว้การอักเสบจะลุกลามไปใต้คาง หรือใต้ลิ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ง่าย นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
           2. เพื่อป้องกันฟันข้างเคียงผุ ซอกฟันระหว่างฟันคุดกับฟันกรามซี่ที่สองที่อยู่ชิดกันนั้น ทำความสะอาดได้ยาก เศษอาหารจะติดค้างอยู่ทำให้เกิดฟันผุได้ทั้งสองซี่
           3. เพื่อป้องกันการละลายตัวของกระดูก แรงดันจากฟันคุดที่ พยายามดันขึ้นมา จะทำให้กระดูกรอบรากฟัน หรือรากฟันข้างเคียงถูกทำลายไป
           4. เพื่อป้องกันการเกิดถุงน้ำหรือเนื้องอก ฟันคุดที่ทิ้งไว้นานไปเนื้อเยื่อที่หุ้มรอบฟันคุด อาจจะขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นถุงน้ำ แล้วโตขึ้นโดยไม่แสดงอาการเลย จนในที่สุดเกิดการทำลายฟันซี่ข้างเคียง และกระดูกรอบ ๆ บริเวณนั้น
           5. เพื่อป้องกันกระดูกขากรรไกรหัก เนื่องจากการที่มีฟันคุดฝังอยู่ จะทำให้กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นบางกว่าตำแหน่งอื่น เกิดเป็นจุดอ่อน เมื่อได้รับอุบัติเหตุ หรือกระทบกระแทก กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นก็จะหักได้ง่าย
           6. วัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น ในการจัดฟัน ต้องถอนฟันกรามซี่ที่ สาม ออกเสียก่อนเพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนฟันซี่อื่น ๆ

การผ่าตัดฟันคุดมีอันตรายหรือผลแทรกซ้อนอะไรได้บ้าง
           ผลแทรกซ้อนของการผ่าตัดฟันคุดที่พบได้ เช่น หลังคายผ้าก๊อซแล้วยังมีเลือดไหลจากแผลผ่าตัดมากผิดปกติ มีไข้หรือมีการติดเชื้อหลังการผ่าตัด หลังผ่าตัด 2 – 3 วันแล้วอาการปวดบวมยังไม่ทุเลา แต่กลับมีอาการเพิ่มมากยิ่งขึ้น หรือมีอาการชาของริมฝีปากล่างนานผิดปกติทั้งที่หมดฤทธิ์ชองยาชาแล้ว ถ้าท่านมีอาการเหล่านี้ควรรีบกลับไปพบทันตแพทย์ได้ทันที เพื่อหาทางแก้ไข
แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าผลแทรกซ้อนเหล่านี้พบได้น้อยมาก ไม่ต้องกังวลจนกลัวแล้วไม่ยอมไปผ่าตัดฟันคุด เพราะถ้าเก็บฟันคุดไว้กลับจะมีอันตรายมากยิ่งกว่าเสียอีก

คำแนะนำภายหลังการผ่าตัดฟัน ผ่าฟันคุด ถอนฟัน
กัดผ้ากอซให้แน่นพอสมควรไว้ 2 ชัวโมง แล้วคายผ้ากอซทิ้ง หากมีเลือดไหลออกมาอีกให้วางผ้ากอซใหม่ที่ให้ไปลงลนแผลแล้วกัดต่ออีก 1 ชั่วโมง
ในขณะกัดผ้ากอซควรกลืนน้ำลายและเลือด ไม่ควรบ้วนน้ำลายและเลือดเพราะอาจทำให้เลือดออกและหยุดช้าลง
อาการบวมหลังการผ่าตัดสามารถเกิดได้ และเพิ่มขึ้นใน 2-3 วันแรก สามารถลดอาการบวมได้โดยใช้เจลแช่เย็น หรือน้ำแข็งในถุงพลาสติกห่อด้วยผ้าหรือกระดาษประคบนอกปากบริเวณที่ทำการรักษาตลอดเวลา
ในวันแรกสามารถบ้วนปากและแปรงฟันได้ แต่ไม่ควรกลั้วปากแรงและควรแปรงฟันบริเวณที่ผ่าตัดอย่างระมัดระวัง
การบ้วนปากควรใช้น้ำเกลือ (น้ำ 1 แก้วผสมเกลือ 1 ช้อนชา) หรือบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ที่ทันตแพทย์จ่ายให้เท่านั้น
ต้องทานยาปฏิชีวนะตามที่ทันตแพทย์จ่ายให้จนครบ ส่วนยาแก้ปวดสามารถทานได้ตามที่ระบุไว้ในฉลากยาเมื่อมีอาการปวด
ห้ามแคะ หรือดูดแผลถอนฟัน และแผลผ่าตัด
ห้ามออกกำลังกายหนักเกินควร แต่สามารถทำงานได้ตามปกติ
ห้ามดื่มสุราห้ามสูบบุหรี่ ห้ามรับประทานของมึนเมาหรืออาหารเผ็ดจัด ร้อนจัด
อาหารในวันแรกควรเป็นอาหารอ่อนหรืออาหารเหลวที่ไม่ร้อนมากเกินไปเช่น นม หรือโจ๊ก
ปัญหาการปวดบวมเป็นอาการปกติที่เกิดหลังการผ่าตัด โดยอาจจะมีอาการบวมมากที่สุด ในวันที่ 3 แต่ถ้ามีอาการบวมมาก และมีไข้สูงถือว่าเป็นอาการที่ผิดปกติ
หากได้รับการเย็บแผลไว้ให้กลับมาตัดไหมภายหลังการผ่าตัด 7 วัน หรือตามที่ทันตแพทย์นัด โดยท่านจะได้รับใบนัดตัดไหมด้วย
ปกติอาจมีเลือดซึมออกจากแผลได้เล็กน้อย ในกรณีที่มีเลือดออกมากผิดปกติให้กลับมาพบทันตแพทย์ทันที

ทันตแพทย์
ผู้ดูแล

หมอฝน

Short Description